‘ซีสต์ที่รังไข่’ ส่งผลอย่างไรกับการตั้งครรภ์

ซีสต์ที่รังไข่เป็นถุงน้ำที่เกิดขึ้นในรังไข่ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตรายและสามารถหายไปได้เอง แต่บางชนิดอาจส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์และทำให้มีลูกยาก โดยเฉพาะซีสต์ที่เกิดจากโรค เช่น ช็อกโกแลตซีสต์ หรือ โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ซึ่งอาจกระทบต่อการทำงานของรังไข่ การเจริญเติบโตของไข่ และกระบวนการฝังตัวของตัวอ่อน

ประเภทของซีสต์รังไข่ที่ส่งผลต่อการมีบุตรยาก

1. ซีสต์เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ที่เกิดในรังไข่

เมื่อเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เกิดขึ้นในรังไข่ จะก่อให้เกิด ช็อกโกแลตซีสต์ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพไข่ ดังนี้:

• ระยะเริ่มต้น: หากซีสต์มีขนาดเล็ก ฟองไข่อาจยังเติบโตได้ แต่คุณภาพไข่อาจลดลงเพราะสารเคมีในซีสต์

• ระยะที่ซีสต์โตขึ้น: หากซีสต์ใหญ่ เช่น ขนาด 5 ซม. จะทำให้พื้นที่รังไข่แคบลง ความดันในรังไข่สูงขึ้น ไข่ไม่สามารถเจริญได้เต็มที่ และบางครั้งไข่ในรังไข่ข้างนั้นอาจไม่ตกเลย ส่งผลให้โอกาสตั้งครรภ์ลดลง

2. ซีสต์เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ที่เกิดนอกรังไข่

ในบางกรณี เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่อาจเกิดนอกรังไข่ ทำให้:

• เกิดพังผืดที่ปีกมดลูกจนท่อรังไข่อุดตัน ไข่กับสเปิร์มไม่สามารถพบกันได้

• เนื้อเยื่อแทรกในชั้นกล้ามเนื้อมดลูก ทำให้มดลูกบิดเบี้ยว ขยายตัวผิดปกติ ส่งผลให้ตัวอ่อนฝังตัวได้ยาก

ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์

ไม่ว่าจะเป็นซีสต์ที่เกิด ในรังไข่ หรือ นอกรังไข่ ล้วนมีผลต่อการตั้งครรภ์ เพราะระบบสืบพันธุ์เพศหญิงทำงานสัมพันธ์กัน หากส่วนใดส่วนหนึ่งผิดปกติ จะส่งผลต่อโอกาสการมีบุตรโดยตรง ทั้งในแง่คุณภาพไข่ การผสม และการฝังตัวของตัวอ่อน

เมื่อพบว่ามีซีสต์รังไข่ ควรทำอย่างไร?

หากตรวจพบซีสต์ในรังไข่ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านการเจริญพันธุ์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม เพราะการรักษาในระยะเริ่มต้นสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้มากกว่าการปล่อยทิ้งไว้

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะมีบุตรยาก

Siam Fertility Clinic คลินิกปรึกษามีบุตรยาก พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลคู่สมรสที่ต้องการมีบุตร ด้วยทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์เฉพาะทาง รวมถึงเครื่องมือห้องปฏิบัติการที่ทันสมัย ได้รับการรับรองจากหลายสถาบัน เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์อย่างมีประสิทธิภาพ

หากคุณกังวลเกี่ยวกับ ซีสต์รังไข่ หรือ ภาวะมีบุตรยาก ติดต่อเรา เพื่อรับการดูแลที่เหมาะสมและคำแนะนำ